Tele-consultation Application with a Blood Pressure Monitoring Device Between
แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนสำหรับตรวจจับชีพจรเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยจัดเก็บข้อมูลของคนไข้เพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยของแพทย์ และจัดเก็บประวัติการเข้ารับรักษาของคนไข้
20 มิถุนายน 2563
โครงการ Tele-consultation Application with a Blood Pressure Monitoring เป็นผลงานของนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ชั้นปีที่ 4 จัดทำในรูปแบบแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจจับชีพจรเพื่อวินิจฉัยโรคได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยจัดเก็บข้อมูลของคนไข้เพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยของแพทย์ และจัดเก็บประวัติการเข้ารับรักษาของคนไข้ได้อีกด้วย
วัตถุประสงค์ของโครงการ
- เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้คนไข้สามารถปรึกษาแพทย์ได้สะดวกยิ่งขึ้น
- เพื่อเก็บข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยเพื่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมสำหรับแอปพลิเคชันข้ามแพลตฟอร์ม
ระเบียบวิธีวิจัย
คณะผู้วิจัยเริ่มจากการกำหนดปัญหา ปัญหาที่พบ คือ ประเทศในปัจจุบันได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อตอบสนองต่อประชากรสูงวัยของประเทศไทยและความกังวลด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น มีการเน้นที่เพิ่มขึ้นในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี รวมถึงแอปพลิเคชัน ระบบออนไลน์ และหุ่นยนต์ ผนวกกับค่ารักษาพยาบาลและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้บริการด้านสุขภาพมีความตึงเครียด ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ คณะผู้วิจัยจึงเสนอแนะการนำเทคโนโลยีมาใช้กับระบบการดูแลสุขภาพ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้การไปพบแพทย์ง่ายขึ้นสำหรับผู้ป่วย แผนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตรวจวัดสัญญาณชีพ พร้อมการประสานข้อมูลกับโรงพยาบาลสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ คณะผู้วิจัยจึงเริ่มศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อทางไหลปและการดูแลสุขภาพ เทรนด์การรักษาสุขภาพ รวมไปถึงอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับการใช้งานทั่วไป ฟังก์ชันเฉพาของคนไข้ และของแพทย์ นอกจากนี้ยังต้องวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งาน และศึกษาข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์แต่ละตัว รวมไปถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ และสถาปัตยกรรมระบบของแอพพลิเคชัน จากนั้นจึงดำเนินการตามแผนงาน และตรวจสอบความพร้อมของระบบก่อนเปิดใช้งานทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ และได้ให้ผู้ใช้งานได้ทดสอบแอพพลิเคชันด้วย
จากผลการศึกษาพบว่าผู้ใช้ 3 ใน 4 รายไม่มีปัญหาในการใช้แอพพลิเคชัน แต่มีข้อเสนอแนะบางประการ เช่น อยากให้แอพพลิเคชันแจ้งให้ผู้ใช้วัดความดันโลหิตทุกวัน และควรเปลี่ยนหน้าการ “โทรหาแพทย์” ให้มีความซับซ้อนน้อยลงเพื่อให้หน้าดังกล่าวสามารถใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน ด้วยเหตุนี้ คณะผู้วิจัยจึงมีการปรับเปลี่ยนส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ เราแบ่งออกเป็น 3 เรื่องคือ 1. ใช้รูปภาพคุณภาพสูงเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น 2. ใช้ธีมเดียวกันตลอดทั้งแอพพลิเคชัน 3. เพิ่มปุ่มที่จำเป็นใน UI ของฉัน เพื่อลดความซับซ้อนในการใช้แอปพลิเคชัน และข้อเสนอแนะของโครงการนี้ ได้แก่ การเพิ่มฟังก์ชันใบสั่งยา ฟังก์ชันการแจ้งเตือนบนแท็บแจ้งเตือน ฟังก์ชันบริการนัดหมาย ฟังก์ชันบริการชำระเงิน และเพิ่มการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากแอปพลิเคชันจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้โดยเฉพาะข้อมูลด้านสุขภาพซึ่งเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ดังนั้น แอพพลิเคชันจำเป็นต้องระบุข้อกำหนด เงื่อนไขและนโยบายการใช้ข้อมูลในหน้าข้อตกลงการเข้าใช้งานแอพพลิเคชันให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย (Personal Data Protection Act; PDPA) นอกจากนี้ ควรมีระบบการเข้าคู่รหัสระหว่างคู่สนทนา (Video Call Encription)เพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้ข้อมูลของผู้ใช้ได้มากขึ้นอีกด้วย และการทำงานร่วมกันข้ามแพลตฟอร์มของแอพพลิเคชันที่ให้คำแนะนำทางการแพทย์ทางไกลให้อยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกันก็สามารถพัฒนาได้ในการทำงานในอนาคต
คณะผู้จัดทำ
- Takdanai Jirawanichkul
- Natcha Klangpremchitt